เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ราชกิจจานุเบกษา ได้ออกประกาศพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร(ฉบับที่ 576) พ.ศ. 2557 เรื่องการลดอัตราภาษีเงินได้สำหรับบุคคลธรรมดาโดยเนื้อหาระบุว่า ให้ลดอัตราภาษีเงินได้ตาม สำหรับบุคคลธรรมดา ของบัญชีอัตราภาษีเงินได้สำหรับเงินได้สุทธิที่ได้รับในปี พ.ศ. 2558 ดังต่อไปนี้
1.เงินได้สุทธิไม่เกินหนึ่งแสนบาท ให้คงจัดเก็บในอัตราร้อยละ5
2. เงินได้สุทธิเฉพาะส่วนที่เกินหนึ่งแสนบาท แต่ไม่เกินสามแสนบาท ให้จัดเก็บในอัตราลดลงจากร้อยละ10 ให้เหลือร้อยละ5 สำหรับเงินได้สุทธิส่วนที่เกินสามแสนบาท แต่ไม่เกินห้าแสนบาท ให้คงจัดเก็บในอัตราร้อยละ10
3.เงินได้สุทธิเฉพาะส่วนที่เกินห้าแสนบาท แต่ไม่เกินเจ็ดแสนห้าหมื่นบาท ให้จัดเก็บในอัตราลดลงจากร้อยละ20 ให้เหลือร้อยละ15 สำหรับเงินได้สุทธิส่วนที่เกินเจ็ดแสนห้าหมื่นบาท แต่ไม่เกินหนึ่งล้านบาท ให้คงจัดเก็บในอัตราร้อยละ20
4. เงินได้สุทธิเฉพาะส่วนที่เกินหนึ่งล้านบาท แต่ไม่เกินสองล้านบาท ให้จัดเก็บในอัตราลดลงจากร้อยละ30 ให้เหลือร้อยละ 25 สำหรับเงินได้สุทธิส่วนที่เกินสองล้านบาท แต่ไม่เกินสี่ล้านบาทให้คงจัดเก็บในอัตราร้อยละ30
5. เงินได้สุทธิส่วนที่เกินสี่ล้านบาท ให้จัดเก็บในอัตราลดลงจากร้อยละ37 ให้เหลือ ร้อยละ35
ส่วนที่ไม่เกิน 150,000 บาทแรก ยังคงได้รับยกเว้นภาษีเหมือนเดิม ตาม พรฎ. ฉบับที่ 576 พ.ศ.2557 และเหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชกฤษฎีกาออกตามความใน ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 575) พ.ศ. 2556 ได้มีการลดอัตราภาษีเงินได้ สำหรับบุคคลธรรมดา ตามบัญชีอัตราภาษีเงินได้ท้ายหมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับ เงินได้สุทธิที่ได้รับในปี พ.ศ. 2556 และปี พ.ศ. 2557 แต่เนื่องจากยังมีความจำเป็นในการบรรเทาภาระ ภาษีให้แก่ผู้มีเงินได้เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจและค่าครองชีพในปัจจุบัน สมควรลดอัตรา ภาษีงินได้บุคคลธรรมดาต่อไปอีก สำหรับเงินได้สุทธิที่ได้รับในปี พ.ศ. 2558 จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
โปรแกรมเงินเดือนและค่าแรง EASY-ACC Payroll ได้เตรียมวิธีปรับตารางอัตราภาษีใหม่ แบบอัตโนมัติไว้แล้วตั้งแต่ปี 2556 นั่นก็หมายความว่า เป็นการขยายช่วงเวลาของการลดอัตราภาษีเงินได้ออกไปเท่านั้น คลิกที่นี่
อ้างอิง : กรมสรรพากร