หลายคนคงจะคุ่นเคยกับการใช้บริการ Cloud ไม่ว่าจะเป็นการเก็บรูป ไฟล์เอกสาร ต่างๆ แต่หลายคนอาจจะไม่เข้าใจว่า Cloud คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร ถ้าจะอธิบายให้ง่ายที่สุด Cloud ก็เหมือนกับเป็นฮาร์ดดิสก์ในอินเตอร์เน็ต ที่เราสามารถจะเอาไฟล์ต่างๆ ไปจัดเก็บได้ เหมือนกับการจัดเก็บบนฮาร์ดดิสก์หรือแฟลชไดรฟ์ ความสะดวกของ Cloud เราสามารถจะเปิดดูไฟล์หรือส่งไฟล์ต่างๆ จากอุปกรณ์ใดๆ ก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ แทปเลต หรือโทรศัพท์มือถือ ทำให้เราไม่ต้องอุปกรณ์บันทึกข้อมูลใดๆ ติดตัวไปเลย
การให้บริการ Cloud มีการพัฒนามาเรื่อยๆ จากการบริการในรูปแบบของพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเพียงอย่างเดียวในยุคแรกๆ กลายมาเป็นการให้บริการด้านการประมวลผล หรือทำตัว Cloud ให้เหมือนกับเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ซึ่งเราจะเรียกการให้บริการแบบนี้ว่า Cloud Computing โดยผู้ใช้บริการสามารถกำหนดได้เองว่าต้องการ CPU แบบไหน OS อะไร ความจุของฮาร์ดดิสก์เท่าไร เวลาจะเข้าไปใช้งานก็เรียกทำงานผ่านทาง คอมพิวเตอร์ได้ทุกเครื่องที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้ หรือเรียกผ่านแทปเลต โทรศัพท์มือถือก็ได้เช่นกัน
Cloud Computing เป็นการเปลี่ยนโลกของการใช้งานคอมพิวเตอร์ ที่กำจัดข้อจำกัดในการใช้งาน ที่แต่เดิมต้องทำงานเฉพาะที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น หากจะโปรแกรมไปทำงานที่อื่น ก็จะต้องติดตั้งลงในโน้ตบุ๊คจึงจะทำงานได้ เมื่อเราเปลี่ยนมาทำงานบน Cloud Computing เราจะทำงานที่คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ใดๆ ในโลกที่สามารถต่อเชื่อมอินเตอร์เน็ตได้ และยิ่งไปกว่านั้นก็ยังสามารถทำงานพร้อมกันได้มากกว่า 1 เครื่อง โดยไม่จำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อระบบเน็ตเวิร์คใดๆ ทั้งสิ้น และข้อมูลทุกอย่างก็จะถูกจัดเก็บไว้อย่างปลอดภัย
ทำไมถึงต้องเปลี่ยนมาใช้ Cloud Computing
สามารถเรียกใช้งานได้ทุกที่ ทุกเวลา บนทุกอุปกรณ์ที่สามารถเรียกใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ ไม่ต้องลงทุนฮาร์ดแวร์ด้วยเงินจำนวนมาก แต่ได้เครื่องที่มีประสิทธิภาพสูง เพราะเราสามารถกำหนดได้เองว่าเครื่องที่เราต้องการทำงานบน Cloud จะเป็นเครื่องแบบไหน 2 หรือ 4 CPU หน่วยความจำต้องการมากเท่าไรก็ได้ เนื้อที่ฮาร์ดดิสก์มากน้อยได้ตามการใช้งาน โดยทุกอย่างที่เลือกไว้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทันทีโดยไม่มีผลก็ข้อมูลหรือโปรแกรมเดิมที่ติดตั้งลงไปก่อนหน้านี้ ส่วนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะเรียกใช้งาน ก็เป็นเครื่องธรรมดาๆ ที่ไม่ต้องมีประสิทธิภาพสูง ก็สามารถเรียกใช้งานได้แล้ว ผู้ใช้บริการเพียงจ่ายค่าบริการรายเดือนเท่านั้น
ความปลอดภัย
ผู้ใช้บริการ Cloud จะมีระบบการดูแลรักษาข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือสูงถึง 99.99% ด้วยมาตรฐานระดับโลก ไม่ต้องกังวลกับปัญกาข้อมูลหายหรือฮาร์ดดิสก์เสียหายอีกต่อไป ไม่มีไวรัสคอมพิวเตอร์ เพราะมีระบบป้องกัน และอัพเดทตลอดเวลา หมดกังวลเรื่องไฟฟ้าดับ ทำให้อุปกรณ์เสียหาย เพราะเครื่องที่ทำงานจริงๆ จะอยู่บน Cloud แต่เครื่องที่เราเรียกใช้งานเป็นเพียงหน้าจอสำหรับแสดงผลเท่านั้น เมื่อเครื่องแสดงผลดับไปและเปิดเข้ามาใหม่ โปรแกรมบน Cloud ก็จะแสดงการทำงานเดิมก่อนที่ไฟฟ้าจะดับ หรือหากเครื่องเสียหาย ก็สามารถเปลี่ยนไปทำงานที่เครื่องใหม่ได้ทันที สำหรับหน่วยงานขนาดใหญ่ ก็ไม่จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ IT มาคอยดูแลระบบ เพราะเครื่องทั้งหมดจะได้รับการผู้แลจากผู้ให้บริการโดยตรงซึ่งมีความชำนาญ
เหมาะสำหรับใครบ้าง
Cloud Computing สามารถใช้ได้กับผู้ใช้งานทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา นักธุรกิจ ธุรกิจ ห้างร้านต่างๆ แต่ผู้ที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด คือผู้ที่ทำงานไม่ประจำอยู่กับที่ หรือกิจการมีสาขาหลายสาขาแต่ต้องการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างสาขาด้วยกัน จากเดิมที่ต้องมีการวางระบบที่ยุงยาก มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูง ต้องอาศัยผู้ชำนาญโดยเฉพาะ อีกทั้งยังไม่มีเสถียรภาพ ก็ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป เพียงแจ้งไปยังผู้ให้บริการว่าต้องการเพิ่มการใช้งานอีก 1 Users ระบบก็จะดำเนินการให้โดยอัตโนมัติโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ก็ได้การเชื่อมต่อที่สมบูรณ์แบบแล้ว