‘ช้อปดีมีคืน’ โครงการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศในช่วงท้ายปี โดยผู้ที่ใช้จ่ายตั้งแต่ 23 ตุลาคม 2563 – 31 ธันวาคม 2563 สามารถนำค่าซื้อสินค้าและบริการมาลดหย่อนภาษีเงินได้ของปี 2563 ตามจำนวนจ่ายจริง ไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน ซึ่งเงินภาษีที่จะได้คืนของแต่ละคนนั้นจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับเงินได้และอัตราภาษีที่แต่ละคนต้องจ่าย
โดยผู้ที่ต้องการเข้าร่วมโครงการสามารถเข้าร่วมได้โดยไม่ต้องลงทะเบียนใด ๆ เพียงขอและเก็บใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบจากการซื้อสินค้าเป็นหลักฐาน ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทุกคนจะได้รับสิทธิในโครงการช้อปดีมีคืน ยกเว้น ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งที่จะไม่ได้รับสิทธิในโครงการนี้
“ผู้ที่ต้องการเข้าร่วมโครงการสามารถเข้าร่วมได้โดยไม่ต้องลงทะเบียนใด ๆ เพียงขอและเก็บใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบจากการซื้อสินค้าเป็นหลักฐาน เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการขอลดหย่อนภาษีของปี 2563 เท่่านั้น “
สินค้าที่ร่วมโครงการช้อปดีมีคืน
- สินค้าและบริการจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียน
- สินค้า OTOP
- หนังสือทั้งแบบเล่ม และหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book)
สินค้าที่ไม่ร่วมโครงการช้อปดีมีคืน
- สุรา, เบียร์ และไวน์
- ค่าน้ำมัน และก๊าซ
- ค่าหนังสือพิมพ์ และนิตยสาร
- ค่าบริการธุรกิจนำเที่ยว
- ยาสูบ
- รถยนต์, มอเตอร์ไซค์ และเรือ
- ค่าบริการจัดนำเที่ยว
- ค่าที่พักโรงแรม
ใครลดหย่อนได้เท่าไร
อัตราภาษีคืนตามระดับรายได้ หากช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท สิทธิ์คืนภาษีสูงสุดตามระดับรายได้ หากช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท
- สำหรับผู้ที่มีเงินได้สุทธิต่อปี 0-150,000 บาท จะได้รับการยกเว้นภาษีอยู่แล้ว โดยไม่ได้สิทธิ์คืนภาษีจากโครงการช้อปดีมีคืน ขอแนะนำให้ใช้สิทธิ “คนละครึ่งแทน“
- เงินได้สุทธิต่อปี 150,001-300,000 บาท มีสิทธิ์คืนภาษีสูงสุด 1,500 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 300,001-500,000 บาท มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 3,000 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 500,001-750,000 บาท มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 4,500 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 750,001-1,000,000 บาท มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 6,000 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 1,000,001-2,000,000 บาท มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 7,500 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 2,000,001-5,000,000 บาท มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 9,000 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 5,000,001 บาทขึ้นไป มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 10,500 บาท